ได้มีโอกาสมาสำรวจสนามบินอู่ตะเภาอีกครั้ง เพื่อวิเคราะห์การมาของ EEC เลยอยากจะนำข้อมูลล่าสุด ที่น่าสนใจมาฝากพวกเรา เชื่อว่าคงเป็นประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจด้านการลงทุน


อาคารที่อยู่ด้านหลังของโค้ชคือ อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เปิดใช้อย่างไม่เป็นทางการแล้วบางส่วน จากเดิมคาดว่าจะเปิดได้ทั้งหมดภายในเดือนนี้ 



บริเวณที่เปิดใช้ คือส่วนรองรับผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ และบริเวณโถงทางออก มีการเปิดเคาน์เตอร์ให้บริการรถตู้โดยสาร ส่วนใหญ่ลูกค้าจะใช้เดินทางเข้าพัทยา และตัวเมืองระยองเป็นหลัก



แต่ยังมีพื้นที่ส่วนใหญ่ในอาคารกำลังตกแต่งภายใน ถ้าเสร็จสมบูรณ์จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน

และที่น่าตื่นเต้นก็คือ สนามบินแห่งนี้ได้วางแผนขยายพื้นที่อีกมาก มีทั้งอาคารผู้โดยสารและ รันเวย์ เพื่อรองรับ EEC ในอนาคต

ส่วนอาคารเดิมเท่าที่โค้ชเดินสำรวจ พบว่ามีผู้ใช้บริการมากจนเต็มพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย ประมาณ 35% ชาวจีน 35% และชาวรัสเซีย ประมาณ 20% และอื่นๆ อีกประมาณ 10 % 


มีเที่ยวบินภายในประเทศสำหรับเดินทางไปมายังกรุงเทพฯ เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี หาดใหญ่ เกาะสมุย และภูเก็ต สำหรับสายการบินหลักที่ให้บริการคือ แอร์เอเชียและ สายการบินบางกอกแอร์เวย์

ในแต่ละเดือนจะมีคนมาใช้บริการ ประมาณ 20,000 คน

“สนามบินอู่ตะเภา ระยอง พัทยา” หรือ “ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระยอง พัทยา” (Utapao Rayong Pattaya International Airport) เป็นสนามบินพาณิชย์นานาชาติแห่งที่ 3 ของประเทศ ต่อจากท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

เหตุที่ต้องมีคำว่า "พัทยา"อยู่ด้วย ก็เพื่อที่จะทำให้เป็นที่คุ้นหูของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะทั่วโลกรู้จักพัทยากันเป็นอย่างดี

สนามบินแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือไทย ซึ่งแต่เดิมสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการทหาร แต่เมื่อสถานการณ์ในช่วงสงครามสงบลง จึงได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นสนามบินเพื่อการพาณิชย์



หลายคนเข้าใจว่า นี่คือสนามบินของพัทยาและตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี แต่ที่จริงแล้ว ตัวสนามบินอู่ตะเภานี้ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดระยอง

โดยสรุป พัทยา ระยองจะได้รับอานิสงส์เต็มๆ จากโครงการ EEC ที่จะกระตุ้นให้เศรฐกิจการค้า และการท่องเที่ยวเติบโตได้เป็นอย่างดี และจะกระตุ้นให้ธุรกิจอสังหาคึกคักมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

แล้วโค้ชจะเอาความรู้ดีๆ ไปเล่าให้ฟังต่อในสัมมนานะครับ